พุทธะจี้กง ประทับทิพย์ญาณ
ดำรงตำแหน่งสูง จะต้องมี คุณธรรม
เป็นผู้นำ จะก่อกรรมทำผิด ได้ไฉน
ตนคนเดียว มักมากกาม ทำลายหมื่นประชาไซร้
คือปลูกเพาะ เหตุปัจจัย ให้จมในอเวจี
พุทธะจี้กง : ผู้ที่ดำรงตำแหน่งขุนนางข้าราชการทุกคน เดิมทีควรประพฤติตนเป็นแบบอย่าง สามารถประพฤติตนเป็นแบบอย่างได้จึงจะสามารถมีพลังในการโน้มนำมวลชน มีคนจำนวนมากที่อยู่ในตำแหน่งสูงแต่กลับไม่ประพฤติตนเป็นแบบอย่าง เพียงแค่ใช้คำพูดป่าวประกาศออกไป ถึงแม้ว่าตนเองจะไม่ได้ทำอะไรผิดถึงขนาดทำให้ตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ได้ก็ตาม แต่ก็ขาดพลังของความเป็นผู้นำมวลชนไปแล้ว เพราะว่ามวลชนไม่มีแบบอย่างที่ดีให้เจริญรอยตาม ใช้เพียงแค่คำพูดมาถ่ายทอด ใช้แค่เพียงคำพูดมาพร่ำสอน แต่กลับไม่มีแบบอย่างจริงๆปฏิบัติออกมาให้เห็นเป็นตัวอย่าง ดังนั้นคนที่มีตำแหน่งเป็นขุนนางข้าราชการพึงรู้ว่าการประพฤติตนเป็นแบบอย่างนั้นมีความสำคัญขนาดไหน เพราะว่าการประพฤติตนเป็นแบบอย่างสามารถทำให้คนอื่นมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการปฏิบัติตาม ทำให้คนที่กำลังสับสนงุนงงในปัญหาที่มีความเกี่ยวข้องกันสามารถทำตามคำแนะนำที่เหมาะสม คนเกิดมาบนโลกนี้ ไม่ว่าจะทำเรื่องใดล้วนต้องปฏิบัติเรียนรู้ด้วยตัวเอง จึงจะสามารถแก้ไขปัญหายุ่งยากต่างๆให้กับผู้อื่นได้อย่างง่ายดาย นับแต่อดีตโบราณมา คนที่ประพฤติผิดในกามมีมากมายจนยากที่จะนับคำนวณได้ ตั้งแต่ระดับประมุขลงไปจนกระทั่งถึงระดับคนรับใช้ ผู้ที่ประพฤติผิดในกามมีจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน แล้วคนที่ประพฤติผิดในกามก็มีจำนวนไม่น้อยที่แนะนำตักเตือนให้ผู้อื่นละกาม แต่ทว่าเป็นเพราะตนเองไม่มีประสบการณ์ในการละกามของตนเองมาแนะนำตักเตือนผู้อื่น จึงทำให้ผู้อื่นไม่สามารถมองเห็นแบบอย่างในการละกามที่ปฏิบัติออกมาจากตัวของเขาเองจริงๆ ไม่สามารถมองเห็นแบบอย่างจากตัวของเขาหลังจากที่เขาตัดความคิดเรื่องกามออกไปจากจิตใจแล้ว และไม่สามารถมองเห็นถึงความจริงใจของเขา อีกทั้งไม่สามารถมองเห็นถึงความประพฤติที่สง่างามของเขา ดังนั้นพลังในการกล่อมเกลาสั่งสอนจึงมีแค่เพียงน้อยนิดเท่านั้น ชาวโลกจะต้องรู้จักละกาม ยิ่งในยุคปัจจุบันเป็นกลียุค ยิ่งจำเป็นต้องละกามเป็นอย่างยิ่ง เพราะในยุคนี้ทั่วทุกที่เต็มไปด้วยอุตสาหกรรมทางเพศ หากไม่ระมัดระวังเพียงแค่นิดเดียวก็สามารถสร้างบาปกรรมในเรื่องกามได้โดยง่าย อย่างเช่นบางคนมีพฤติกรรมชอบสวมใส่เสื้อผ้าที่เผยให้เห็นเรือนร่าง บ้างโชว์อก บ้างเปลือยหลัง ซึ่งสามารถเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดบาปกรรมในเรื่องกามได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทั่วทุกที่มีร้านต่างๆที่แอบแฝงการค้าบริการทางเพศเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านตัดผม ศูนย์การดูแลผิว รวมทั้งร้านน้ำชา และร้านต่างๆที่ปิดบังอำพรางแอบทำเรื่องสกปรก คนที่ทำผิดไปแล้วก็ควรจะค่อยๆแก้ไขกลับตัวใหม่ จากนั้นจึงละกามเสีย ส่วนคนที่ยังไม่เคยทำผิดก็อย่าได้เป็นเพราะมีความอยากรู้อยากเห็นจนทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศแล้วประพฤติผิดในกามตามมา มิฉะนั้นมานึกเสียใจในภายหลังก็สายไปเสียแล้ว นอกจากนี้ ถึงแม้ว่าการประพฤติผิดในกามนั้นจะเป็นการซื้อขายแลกเปลี่ยนด้วยเงินก็ตาม แต่จิตธรรมญาณก็แปดเปื้อนสิ่งสกปรกอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ วิญญาณธาตุประเภทนี้สกปรกแปดเปื้อนไม่สามารถที่จะใช้เวลาหรือแม้แต่วิธีการใดก็ตามมาชำระล้างให้สะอาดได้ ยิ่งทำผิด ก็ยิ่งค่อยๆแปดเปื้อน ยิ่งค่อยๆถลำลึกลงไปเรื่อยๆ จิตธรรมญาณก็ยิ่งขุ่นมัวมาก ต่อไปในภายหน้าจะต้องตกสู่ทุคติภูมิทั้งสามอย่างแน่นอน! ดังนั้นการละกามจึงเป็นสภาวการณ์ที่คับขันเร่งด่วน ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่หรือผู้เยาว์ทุกๆคนควรจะละซึ่งกาม คนที่ละกามไม่ว่าจะทำอาชีพการงานใดก็ตาม ในด้านความสัมพันธ์ต่อผู้อื่นล้วนแล้วแต่เกิดความผาสุก ในทางตรงกันข้าม คนที่ประพฤติผิดในกาม ไม่ว่าจะทำอาชีพการงานใดก็ตาม ด้านความสัมพันธ์ต่อผู้อื่นหรืออาจจะเป็นด้านดวงชะตา ด้านทัศนคติ หรือด้านจิตใจ ล้วนแล้วแต่มีข้อบกพร่องเกิดความไม่สมบูรณ์ขึ้นมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่งผลกระทบต่อด้านร่างกายและชีวิตสมรส คนที่หนักยิ่งกว่านั้นก็จะต้องรับผลกรรมตอบสนองในชาติต่อๆไปอีกหลายภพชาติทำให้ต้องตกอับเป็นโสเภณีมีชะตาชีวิตที่น่าเศร้า แล้วจะดูออกได้อย่างไรว่ามีแนวโน้มที่ชะตาชีวิตจะเป็นโสเภณี? อันชาวโลกที่ชอบสวมใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้น บ้างสวมใส่ชุดที่เผยเรือนร่าง บ้างสวมใส่ชุดที่สวยงามแต่งตัวสวยหรู ทั้งที่มีเจตนาและไม่มีเจตนาทำให้เกิดรูปลักษณ์ที่ยั่วยวนดึงดูดทางเพศ เพราะคนเหล่านี้มีนิสัยทำตัวเหลวไหลไม่อยู่ในกรอบของศีลธรรม ไม่มีความสำรวมระวังแม้แต่น้อย ก็สามารถที่จะรู้ได้ว่าคนเหล่านี้มีแนวโน้มที่ชะตาชีวิตจะต้องตกอับเป็นโสเภณีหลายภพชาติ ถ้ารู้เช่นนี้ควรจะหลีกเลี่ยงป้องกันอย่างไร? หากสามารถสวดท่องคัมภีร์ละกามทุกๆวันเป็นเวลาอย่างน้อยสามปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสามารถยึดมั่นปฏิบัติตามในคัมภีร์ตลอดชั่วชีวิต ย่อมจะต้องหลีกเลี่ยงชะตากรรมได้ แต่ที่น่าห่วงคือ ไม่ยอมน้อมใจสำนึกผิดแก้ไขกลับตัวใหม่ ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงนิสัย ดังนั้นระวังไว้เถอะ! ระวังไว้เถอะ! เอาล่ะ! ศิษย์เราจงออกจากร่าง
ชิวเซิง : ศิษย์คารวะพระอาจารย์
พุทธะจี้กง : ศิษย์เราไม่ต้องมากพิธี รีบขึ้นบัลลังก์บัวเถอะ
ชิวเซิง : (บัลลังก์บัวเหาะไปอย่างรวดเร็ว แล่นฉิวเหมือนนั่งรถไฟเหินเวหา ทันใดนั้นรู้สึกว่ามีกลุ่มความกดอากาศทำให้หัวใจเต้นเร็วจนแทบจะหลุดออกมา ไม่นานนักก็รู้สึกว่าดีขึ้น! ทอดตามองดู ถึงนรกอเวจีแล้ว)
พุทธะจี้กง : ท่านเซียนกวนมารอแล้ว ศิษย์เรารีบแสดงคารวะ
ชิวเซิง : ผู้น้อยคารวะท่านเซียนกวนและท่านขุนพลทั้งสอง
เซียนกวน : ท่านเมธีไม่ต้องมากพิธี คารวะท่านพุทธะจี้กง
พุทธะจี้กง : ไม่ต้องมากพิธี
เซียนกวน : เชิญเข้าไปชมด้านใน
ชิวเซิง : (เมื่อเข้ามาภายในคุกก็มีเข็มบินพุ่งออกมาไม่ขาดสาย ปากกระบอกเข็มมีขนาดเท่ากับกระป๋องน้ำอัดลม มีเข็มบินเต็มปากกระบอก เสียงดังฟิ่วๆคล้ายกับมีลมพายุพัดเข้าไปภายในกระบอกเข็มทำให้เข็มพุ่งออกมาไม่หยุด ทิ่มแทงวิญญาณบาปไปทั่วทั้งตัว ได้ยินแต่เสียงร้องที่น่าเวทนา ยังเห็นวิญญาณบาปจำนวนหนึ่งที่เดิมทีก็หัวยุบเว้าหลังปูดนูน ตาห้อยปากเบี้ยว หูอยู่หลังสมอง และขาบิดเป็นเกลียวอยู่ก่อนแล้ว ทั่วทั้งตัวยังถูกเข็มแทงเพิ่มเข้าไปอีก ทำให้เกิดอาการเกร็ง ชักกระตุกไปทั้งตัว น่ากลัวเหลือเกิน เดินเข้าไปอีกหน่อยก็มียักษ์จับวิญญาณบาปไปที่เขียง ตัดหัว ตัดมือ ตัดเท้า ตัดแบ่งเป็นท่อนๆนับไม่ถ้วน สภาพคล้ายกำลังสับเนื้อหมูอยู่บนแผงขายเนื้อ มีอีกด้านหนึ่งจับวิญญาณบาปมามัดแขนมัดขาติดกับเสาทองแดงโดยจับมัดหันหน้าออกหันหลังพิงกับเสา แล้วยักษ์ก็ใช้เสาเหล็กทุบไปที่หน้าอกและท้องของวิญญาณบาปทำให้ท้องแตกไส้ไหล เลือดออกปากออกจมูก เลือดคั่งในสมอง เลือดออกหู บาดเจ็บไปหมดทั้งตัว ตอนนี้มีหมาทองแดงตัวใหญ่วิ่งมากัดไส้ของวิญญาณบาปแล้วใช้กำลังลากดึงไส้ วิญญาณบาปเจ็บปวดทรมานร้องตะโกนด้วยเสียงที่ดังสนั่นสั่นสะเทือนน่าเวทนาแล้วจึงสลบไป ส่วนวิญญาณบาปที่อยู่อีกด้านหนึ่งร่างกายแหลกเป็นเศษเล็กเศษน้อยไปหมด ถูกจับโยนลงในกระทะทอดน้ำมัน ไม่นานนักก็ระเบิดออกมาเหมือนข้าวโพดป๊อปคอร์น เห็นแล้วรู้สึกชาไปหมด) ท่านเซียนกวนครับ เหตุใดวิญญาณบาปจึงถูกลงโทษเช่นนี้?
เซียนกวน : วิญญาณบาปเหล่านี้ส่วนใหญ่ตอนที่มีชีวิตอยู่ได้ประพฤติผิดในกาม บาปหนักจนไม่อาจช่วยเหลือได้ ดังนั้นจึงถูกลงโทษขั้นสูงสุด ใช้ความทุกข์ทรมานอันแสนสาหัสนี้ไปกระตุ้นจิตญาณเดิมให้ละกามตัณหา
ชิวเซิง : ทำไมถึงมีเข็มบินออกมาทิ่มแทงวิญญาณบาป?
เซียนกวน : เพราะหลังจากที่คนร่วมเพศกันเสร็จจะคล้ายกับถูกเข็มแทง รู้สึกอ่อนเปลี้ยเพลียแรงไปทั้งตัว ดังนั้นจึงใช้เข็มบินมาทิ่มแทงร่างกายเพื่อกระตุ้นให้วิญญาณบาปเกิดความมุ่งมั่นที่จะขจัดความคิดลามกออกไป
ชิวเซิง : เหตุใดจึงทุบหน้าอกและท้อง?
เซียนกวน : เพราะตอนสมัยที่มีชีวิตอยู่เป็นคนใจคอโหดร้าย ข่มขืนผู้หญิงแล้วยังทำให้เกิดการทำแท้ง ดังนั้นจึงทุบที่อกและท้องเพื่อขจัดพฤติกรรมอันชั่วช้าลามก
ชิวเซิง : เหตุใดหมาจึงกัดไส้?
เซียนกวน : ก็เพราะตอนที่มีชีวิตอยู่มีจิตใจที่ชั่วช้าเลวทราม เป็นคนชอบวางแผนใช้กลอุบาย ใช้ความป่าเถื่อนกับผู้หญิง ดังนั้นจึงให้หมาทองแดงกัดไส้จะได้ขจัดจิตใจที่ลามก
ชิวเซิง : เหตุใดต้องเอาไปทอดน้ำมัน?
เซียนกวน : ก็เพราะตอนที่วิญญาณบาปเหล่านี้มีชีวิตอยู่ได้ล่วงละเมิดสิทธิของสตรีนับไม่ถ้วน บ้างข่มขืนผู้หญิง ทำแท้งมากมาย ดังนั้นจึงต้องรับผลกรรมเช่นนี้เพื่อขจัดกรรมลามก วิญญาณบาปเหล่านี้ในสมัยที่มีชีวิตอยู่ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นขุนนางข้าราชการชั้นสูงที่ประพฤติผิดในกาม ดังนั้นจึงถูกลงโทษอย่างโหดเหี้ยม ท่านขุนพลไปนำตัว “เซี่ยเจี๋ย” มาซิ
ขุนพล : รายงานท่านเซียนกวน นำตัวเซี่ยเจี๋ยมาถึงแล้วครับ?
เซียนกวน : ผู้นี้ก็คือเซี่ยเจี๋ย เชิญท่านสัมภาษณ์ได้
ชิวเซิง : ไม่ทราบว่าท่านชื่ออะไร? ตอนสมัยที่มีชีวิตอยู่ทำกรรมใดไว้?
วิญญาณบาป : เราคือกษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์เซี่ย ปกติชอบหาความสำราญกับเหล่าสนมนางใน ไหนเลยจะรู้ นานวันเข้านิสัยก็แปดเปื้อน สุดท้ายก็ลุ่มหลงมัวเมาอยู่ในสุรานารี อุปนิสัยเปลี่ยนไป กลายเป็นคนโหดเหี้ยมอำมหิต ไม่สนใจงานราชกิจ ในที่สุดก็ถูก “ซังทัง” ขับไล่หนีไปถึงหนานเฉา นับจากนั้นชีวิตก็ระหกระเหินเร่ร่อน ป่วยตายอยู่ที่ถนนใหญ่ ไม่มีใครสนใจ
พุทธะจี้กง : ในเมื่อดำรงอยู่ในตำแหน่งที่สูงศักดิ์ก็ควรที่จะเคารพให้เกียรติปราชญ์เมธีผู้มีคุณธรรมความรู้ ประพฤติตนเป็นแบบอย่าง ละความสุขในกาม ไฉนกลับทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในที่สุดก็ตกสู่นรกอเวจีแห่งนี้
ชิวเซิง : เมื่อประพฤติผิดในกามแล้ว จะสำนึกผิดแก้ไขกลับตัวใหม่ อีกทั้งยับยั้งควบคุมตนเองได้อย่างไร?
พุทธะจี้กง : คนที่ประพฤติผิดในกามนั้นส่วนใหญ่เป็นเพราะจิตใจทนไม่ไหว ยากที่จะควบคุมได้ อาศัยการสวดท่องคัมภีร์ละกามรวมถึงการสวดท่องพุทธนาม ยึดมั่นปฏิบัติทุกๆวัน ไม่รีบไม่ช้า สุดท้ายในวันหนึ่งข้างหน้าก็จะสามารถขจัดความนึกคิดเรื่องกามตัณหาออกไปได้
วิญญาณบาป : รีบช่วยเราด้วย ขอเพียงสามารถทำให้เราออกไปจากที่นี่ได้ เราจะขอติดตามรับใช้ท่านทุกๆภพชาติไม่โกหกหลอกลวงอย่างเด็ดขาด
ชิวเซิง : เซี่ยเจี๋ย! จงสงบจิตใจลงก่อน แล้วตั้งใจฟังให้ดี แดนวิสุทธิภูมิของพระศรีอาริยเมตไตรย นำกรรมติดตัวไปเกิด จิตเดิมแท้ไร้ซึ่งการแบ่งแยก ถึงแม้ว่าจะเคยละเมิดทำผิดศีล ขอเพียงไม่ถึงกับตัดขาดจากจิตเดิมแท้ ล้วนสามารถได้ไปเกิดยังแดนวิสุทธิ์ ขอเพียงมีความศรัทธาจริงใจ บังเกิดความมุ่งมั่น ปรารถนาที่จะไปเกิดยังแดนวิสุทธิภูมิของพระศรีอาริยเมตไตรย สวดท่องพุทธนาม มีจิตที่ยินดีปรีดา ย่อมได้รับพุทธรังสีสาดส่องนำพาไปเกิด ตอนนี้ควรใช้จิตศรัทธาจริงใจสำนึกขอขมาความผิดบาปในครั้งอดีต นับจากนี้เป็นต้นไปไม่ทำผิดซ้ำอีก มีความศรัทธามุ่งมั่นน้อมสวดพุทธนามว่า “นะโม หมีเล่อฝอ” หนึ่งคำหนึ่งกราบด้วยจิตที่มีความปีติยินดีย่อมต้องได้รับประโยชน์อย่างแน่นอน
วิญญาณบาป : (คุกเข่าน้ำตาริน สิบนิ้วประนม สวด “นะโม หมีเล่อฝอ” หนึ่งคำหนึ่งกราบ หลังจากสวดไปได้หลายสิบคำหลายสิบกราบ กลางเวหาก็บังเกิดรัศมีอันเป็นมงคล บันไดเมฆลอยลงมา ดอกบัวเปล่งรัศมีสาดส่อง ตอนนี้ทั่วคุกปรากฏพุทธกายของพระศรีอาริยเมตไตรย กล่าวว่า “ละกามบารมี” เสียงธรรมสั่นสะเทือน ทุกคนน้อมเคารพ เซี่ยเจี๋ยคุกเข่าพนมมือ ปากยังคงสวดพุทธนาม “นะโม หมีเล่อฝอ” อยู่ตลอด ในขณะที่สวดพุทธนามอยู่นั้นวิญญาณบาปทั้งหมดต่างก็ได้รับพุทธรังสีปกปัก ร่างกายรวมทั้งมือและเท้าของวิญญาณบาปหวนกลับคืนสู่สภาพเดิมเริ่มแรก เซี่ยเจี๋ยตามพระศรีอาริยเมตไตรยขึ้นบันไดเมฆไป ได้รับการส่งตัวข้ามแดน นอกจากนี้วิญญาณบาปทั้งหลายอีกประมาณ 900 กว่าชีวิตล้วนได้รับพระคุณปกแผ่ ต่างได้รับการพยากรณ์และกำชับเตือนสติจากพระศรีอาริยเมตไตรย ต่อไปหลังจากที่สลายกรรมแล้วก็จะได้ไปเกิดยังแดนกามาพรหม นำกรรมติดตัวไปบำเพ็ญ จากนั้นสภาพในคุกก็ค่อยๆกลับคืนสู่สภาพเดิม)
พุทธะจี้กง : คืนนี้ดึกแล้ว กลับกันเถอะ
ชิวเซิง : ขอบคุณท่านเซียนกวนและท่านขุนพลทั้งสองที่ช่วยเหลือ
เซียนกวน : น้อมส่งท่านพุทธะจี้กงและท่านเมธี
พุทธะจี้กง : ถึงสำนักก่งเหิงถังแล้ว ศิษย์เราจงกลับเข้าร่าง
ชิวเซิง : ศิษย์น้อมส่งพระอาจารย์